ประวัติการใช้สมุนไพรไทยในประเทศไทย
ประเทศไทยมีภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญงอกงามของพืชนานาชนิด
โดยเฉพาะพืชสมุนไพมีอยู่มากมายเป็นแสนๆ ชนิด ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและจากการเพาะปลูก
บางชนิดก็ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาแผนปัจจุบันสมุนไพรหลายชนิดถูกนำมาใช้ในรูปของยากลางบ้าน
ยาแผนโบราณรากฐานของวิชาสมุนไพรไทยได้รับอิทธิพลจากประเทศอินเดียเป็นส่วนใหญ่เพราะตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชาติไทยได้อพยพถิ่นฐานมาจากบริเวณเทือกเขา
อัลไตน์ประเทศจีน มาจนถึงประเทศไทยในปัจจุบัน จึงมีส่วนได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม
ประเพณี ศาสนา ตลอดจนการบำบัดรักษาโรคจากประเทศอินเดียเป็นจำนวนมาก
ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าได้อาศัยคัมภีร์อายุรเวทของอินเดียเป็นบรรทัดฐาน คือ
การวินิจฉัยโรค ชื่อสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคมีเค้าชื่อของภาษาบาลีสันสกฤตอยู่ไม่น้อย
เช่นคำว่า มะลิ (ภาษาสันสกฤตว่า มัลลิ) เป็นต้น
มีผู้ประมาณว่าในแต่ละปีมีผู้ใช้สมุนไพรในประเทศเป็นมูลค่ากว่า
500 ล้านบาท (สมุนไพรเหล่านี้ได้มาจากทั้งในประเทศ และนำเข้าจากนอกประเทศโดยเฉพาะ จีน เกาหลี
และอินเดีย) ทั้งนี้เนื่องจากป่าไม้ถูกทำลาย
ทำให้ต้องมีการรณรงค์ให้มีการปลูกเป็นสวนสมุนไพรขึ้น ในปีพุทธศักราช 1800 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งนับเป็นยุคทองของสมุนไพรไทย
สวนป่าสมุนไพรของพระองค์ใหญ่โตมากอยู่บนยอดเขาคีรีมาศ อ.คีรีมาส จ.สุโขทัย
มีเนื้อที่หลายร้อยไร่ ซึ่งปัจจุบันยังคงได้รับการ
อนุรักษ์ไว้
เป็นป่าสงวนเพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าของผู้ที่สนใจ
ต่อมาในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงเห็นว่า
สมุนไพรเป็นทั้งยาและอาหารประจำ
ครอบครัว ชาติจะเจริญมั่นคงได้ก็ด้วยครอบครัวเล็กๆ ที่มีความมั่นคงแข็งแรง
มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ทั้งทางกายและจิตใจ จึงทรงมีพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ
ให้ดำเนินโครงการตามพระราชดำริ สวนสมุนไพรขึ้นในประเทศในปีพุทธศักราช 2522 โดยทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการรวบรวมศึกษาค้นคว้า ในเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรทุกด้าน เช่น
ด้านวิชาการทางชีววิทยา ทางการแพทย์ การบำบัด การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะพืชที่เป็นประโยชน์ก่อให้เกิดโครงการพระราช
ดำริ สวนป่าสมุนไพรขึ้นมากมายหลายแหล่ง
อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางโดยสถาบัน
วิจัยวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เพื่อหาสาระสำคัญของสมุนไพรที่มีพิษ
ทางเภสัชมาสกัดเป็นยาแทนยาสังเคราะห์ที่ใช้กันในปัจจุบัน
คนไทยไม่เพียงแต่ใช้พืชสมุนไพรเป็นยารักษาโรคเท่านั้น
แต่ได้นำมาดัดแปลงเพื่อบริโภคในรูปของอาหาร
และปัจจุบันยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมหลายๆอย่างเช่น เครื่องสำอางค์เป็นต้น(“ประวัติการใช้สมุนไพรในประเทศไทย”.[ออนไลน์]. http://www.cheerylife.net/index.php/ประวัติสมุนไพร)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น